บังคับขู่เข็ญคนไม่มีทางสู้
ประเภทสำนวน
"ต้อนหมูเข้าเล้า" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเช่นสุภาษิต และไม่ใช่สำนวนเฉพาะที่แปลตรงตัวไม่ได้ แต่เป็นการเปรียบเทียบสถานการณ์ที่มีความหมายแฝง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการเลี้ยงหมู เมื่อหมูออกมาอยู่นอกเล้า เจ้าของจะต้องไล่ต้อน ขับไล่ให้หมูกลับเข้าไปในเล้า เปรียบเทียบกับการที่คนฉลาดใช้กลอุบายล่อลวงให้อีกฝ่ายเข้ามาตกหลุมพราง หรือพลั้งพลาดตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบและถูกจับได้
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ต้อนหมูเข้าเล้า" ในประโยค
- ตำรวจวางแผนให้คนร้ายส่งของผิดกฎหมายที่จุดนัดพบลับ เป็นการต้อนหมูเข้าเล้าเพื่อจับกุมทั้งกลุ่มในคราวเดียว
- ทนายความตั้งคำถามหลอกล่อพยานฝ่ายตรงข้ามจนพลั้งปากให้การผิดพลาด นับเป็นกลยุทธ์ต้อนหมูเข้าเล้าที่ชาญฉลาด
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี