ต่อหน้าทำอย่างหนึ่ง ลับหลังทำอีกอย่างหนึ่ง แบบหน้าไหว้ หลังหลอก
ประเภทสำนวน
"ต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโก" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยถึงพฤติกรรมของคนที่ไม่จริงใจ มีความหมายแฝงที่ต้องตีความเพิ่มเติม เปรียบเทียบลักษณะการกระทำที่ไม่ตรงไปตรงมา
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเทียบคนที่พูดหรือแสดงออกไม่เหมือนกันในต่างสถานการณ์ คือต่อหน้าคนหนึ่งก็พูดหรือทำอย่างหนึ่ง แต่พอลับหลังกลับพูดหรือทำอีกอย่างหนึ่ง 'มะพลับ' เป็นผลไม้ที่มีรสหวาน นุ่มนวล ในขณะที่ 'ตะโก' เป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ฝาด การเปรียบเทียบนี้สื่อถึงความแตกต่างของการแสดงออกในสองสถานการณ์ที่ตรงข้ามกัน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโก" ในประโยค
- เขาเป็นคนต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโก ต่อหน้าคุณก็พูดดี แต่พอคุณไม่อยู่กลับนินทาคุณลับหลัง
- อย่าไว้ใจคนที่ต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโก เพราะเขาไม่มีความจริงใจให้คุณหรอก
- พฤติกรรมต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโกนี้ทำให้เพื่อนร่วมงานไม่ไว้วางใจเธอ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโก" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความที่เปรียบเทียบพฤติกรรมของบุคคล มีความหมายแฝงที่ต้องตีความ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่คำหรือวลีเฉพาะที่แปลตรงตัวไม่ได้เหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเทียบผลไม้สองชนิดคือ 'มะพลับ' ซึ่งมีรสหวาน นุ่ม และ 'ตะโก' ซึ่งมีรสฝาด เปรี้ยว เปรียบกับคนที่แสดงออกสองแบบต่างกัน คือต่อหน้าแสดงความนุ่มนวล อ่อนหวาน แต่ลับหลังกลับแสดงความกร้าวแข็ง ไม่น่ารัก แสดงถึงความไม่จริงใจ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโก" ในประโยค
- เธอเชื่อคำพูดหวานๆ ของเขาไม่ได้หรอก เขาเป็นคนต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโก พอเธอไม่อยู่ เขาก็จะนินทาเธอทันที
- ระวังนายสมชายไว้หน่อย เขาเป็นคนต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโก ต่อหน้าจะพูดดีมาก แต่พอลับหลังจะพูดร้ายเสมอ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี