ตีงูให้กากิน

คำพังเพย

หมายถึง ลงทุนลงแรงทำสิ่งที่ไม่เป็นคุณแก่ตนมีแต่จะเป็นโทษแล้วยังกลับไปเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นอีกเช่นตีงูให้ตายแต่ไม่ได้นำงูมาเป็นอาหารกลับโยนงูให้กากิน

หมายถึง ทำสิ่งที่ตนควรจะได้รับประโยชน์ แต่กลับไม่ได้ ประโยชน์ตกอยู่กับผู้อื่น

ประเภทสำนวน

"ตีงูให้กากิน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำที่มีลักษณะเปรียบเทียบแฝงข้อคิด ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่สำนวนที่แปลตรงตัวไม่ได้

ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง

สำนวนนี้เปรียบเปรยถึงการกระทำที่สร้างความลำบากให้ตนเอง แต่กลับเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น คือการที่คนหนึ่งลงแรงหรือเสี่ยงอันตรายในการตีหรือฆ่างู แต่กลับเป็นกาที่ได้กินเนื้องูนั้น สะท้อนความไม่ฉลาดในการกระทำที่เหนื่อยหรือเสี่ยงเอง แต่คนอื่นกลับได้ประโยชน์โดยไม่ต้องลงแรง

ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตีงูให้กากิน" ในประโยค

  • นายสมชายเหนื่อยเป็นบ้าคอยรับเอกสาร เดินเรื่องทั้งหมด แต่สุดท้ายนายสมศักดิ์กลับได้รับเครดิตไปหมด นี่มันตีงูให้กากินชัด ๆ
  • ฉันเหนื่อยค้นคว้าข้อมูลเตรียมงานทั้งหมด แต่กลับเป็นเพื่อนที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยออกไปนำเสนอและได้คำชมจากหัวหน้า เป็นการตีงูให้กากินอย่างแท้จริง

สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย

สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน

สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา

คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี

ประเภทสำนวน

"ตีงูให้กากิน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบสถานการณ์หรือพฤติกรรมโดยใช้ภาพลักษณ์เปรียบเปรย ผู้ฟังต้องตีความเพิ่มเติมเพื่อเข้าใจความหมายแฝง ไม่ใช่คำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต และมีโครงสร้างการเปรียบเทียบที่ชัดเจน

ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง

สำนวนนี้มีที่มาจากภาพของคนที่พยายามฆ่างู แต่กลับทำให้อีกาได้รับประโยชน์จากการนั้น เปรียบเหมือนการที่คนหนึ่งลงแรงหรือเสี่ยงอันตรายในการทำอะไรบางอย่าง แต่ผลประโยชน์กลับตกอยู่กับคนอื่นที่ไม่ได้ลงแรงเลย เป็นสำนวนที่สื่อถึงความไม่ยุติธรรมในการได้รับผลตอบแทนจากการกระทำ

ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตีงูให้กากิน" ในประโยค

  • เขาทำงานหนักเพื่อให้บริษัทได้ลูกค้ารายใหญ่ แต่สุดท้ายหัวหน้ากลับเอาผลงานไปอวดเจ้านาย นี่มันตีงูให้กากินชัดๆ
  • นักวิจัยคนนั้นทุ่มเทค้นคว้าทดลองมาหลายปี แต่พอได้ผลลัพธ์ดี หัวหน้าโครงการกลับเอาชื่อตัวเองไปใส่เป็นผู้ค้นพบหลัก แบบนี้เรียกว่าตีงูให้กากิน

สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย

สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน

สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา

คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี

ตีงูให้กากิน หมายถึง?

พจนานุกรมไทย ตีงูให้กากิน หมายถึง:

  1. (สํา) ก. ทําสิ่งใด ๆ ไว้แล้ว แต่ผลไปตกแก่ผู้อื่น, ทําสิ่งที่ตนควรจะได้รับประโยชน์ แต่กลับไม่ได้.

 หมายเหตุ

คำพังเพย หมายถึง ถ้อยคำหรือข้อความที่กล่าวเป็นกลาง ๆ เพื่อให้ตีความเข้ากับเรื่อง มีความหมายแฝงอยู่ อาจเป็นคำที่ใช้สื่อในทางเปรียบเปรย หรือในทำนองเสียดสี เช่น กระต่ายตื่นตูม เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย

สำนวนไทย หมายถึง ถ้อยคำ กลุ่มคำ หรือประโยคที่ไม่ได้แปลความหมายตรง ๆ แต่มีความหมายเชิงเปรียบเทียบแฝงอยู่ เช่น สอนจระเข้ให้ว่ายนํ้า รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง

คำสุภาษิต หรือ สำนวนสุภาษิต คือ คำในภาษาไทยที่ใช้ในการสื่อสารเชิงเปรียบเทียบอุปมาอุปมัย มักมีความหมายในการตักเตือนสั่งสอนในทางบวก มีความหมายที่ดี เช่น รักยาวให้บั่นรักสั้นให้ต่อ น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ

 ภาพประกอบตีงูให้กากิน

  • คำพังเพย: ตีงูให้กากิน หมายถึงอะไร?, หมายถึง ลงทุนลงแรงทำสิ่งที่ไม่เป็นคุณแก่ตนมีแต่จะเป็นโทษแล้วยังกลับไปเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นอีกเช่นตีงูให้ตายแต่ไม่ได้นำงูมาเป็นอาหารกลับโยนงูให้กากิน คำกริยา ตี, กิน สัตว์ งู, กา หมวด คำพังเพย
  • คำพังเพย: ตีงูให้กากิน หมายถึงอะไร?, หมายถึง ทำสิ่งที่ตนควรจะได้รับประโยชน์ แต่กลับไม่ได้ ประโยชน์ตกอยู่กับผู้อื่น สัตว์ งู, กา คำกริยา ตี, กิน หมวด คำพังเพย

 คำพังเพยที่คล้ายกัน