ถ้าโชคดี ตานั้นก็ได้ ถ้าโชคร้าย ตานั้นก็เสีย
ตาในที่นี้หมายถึงรอบการเล่น มักใช้ในการพนันขันต่อหรือเกมกีฬา
ประเภทสำนวน
"ตาดีได้ตาร้ายเสีย" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรง และไม่สามารถเข้าใจได้จากความหมายตรงตัว
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีความหมายว่า ของที่ดีย่อมมีคนต้องการ ส่วนของที่ไม่ดีมักจะเหลือทิ้งไว้ สะท้อนธรรมชาติของมนุษย์ที่มักเลือกสิ่งที่ดีกว่าเสมอ โดยเปรียบเทียบกับดวงตา ซึ่ง 'ตาดี' หมายถึงสิ่งที่มีคุณค่า มีคนหยิบเอาไปใช้ก่อน ส่วน 'ตาร้าย' หมายถึงสิ่งที่ด้อยคุณค่ากว่า จึงไม่มีใครต้องการ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตาดีได้ตาร้ายเสีย" ในประโยค
- เวลาไปซื้อผลไม้ที่ตลาด ถ้าไปช้าก็มักจะได้ผลไม้ที่ไม่สวย เพราะตาดีได้ตาร้ายเสีย คนมาก่อนเลือกเอาลูกสวยๆ ไปหมดแล้ว
- การเปิดให้ลงทะเบียนเรียนวิชาเลือกแบบใครมาก่อนได้ก่อน ทำให้นักศึกษาที่ลงทะเบียนช้าต้องเจอกับวิชาที่ไม่ค่อยน่าสนใจ เพราะตาดีได้ตาร้ายเสีย
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี