แนะนำเท่าไร พร่ำสอนเท่าไร ก็ไม่ได้ผล
ประเภทสำนวน
"ตักน้ำรดหัวตอ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำเปรียบเทียบที่สื่อความหมายแฝง มีลักษณะเป็นการเปรียบเปรยพฤติกรรม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีเฉพาะที่ต้องตีความพิเศษเหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มาจากการเปรียบเทียบกับการเอาน้ำไปรดตอไม้ที่ถูกตัดแล้ว ซึ่งไม่สามารถเจริญงอกงามต่อไปได้ ไม่ว่าจะรดน้ำมากเพียงใด สื่อถึงการกระทำที่เสียเวลา แรงงาน หรือทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะไม่สามารถสร้างผลลัพธ์หรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตักน้ำรดหัวตอ" ในประโยค
- ฉันพยายามสอนเขามาหลายครั้งแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยปรับปรุงตัวเลย เหมือนตักน้ำรดหัวตอเสียเวลาเปล่า
- การพยายามเกลี้ยกล่อมคนที่ตัดสินใจแน่วแน่แล้วก็เหมือนกับตักน้ำรดหัวตอ ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ตักน้ำรดหัวตอ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม โดยเปรียบการกระทำบางอย่างที่ไม่เกิดประโยชน์ เหมือนกับการเอาน้ำไปรดหัวตอไม้ที่ตายแล้ว
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเทียบกับการกระทำที่สูญเปล่า ไร้ประโยชน์ เหมือนการนำน้ำไปรดหัวตอไม้ที่ถูกตัดแล้ว ซึ่งไม่มีทางที่จะงอกเงยหรือเจริญเติบโตได้อีก เพราะไม่มีชีวิต ไม่ว่าจะรดน้ำมากแค่ไหนก็ไร้ผล เปรียบได้กับการทุ่มเทความพยายามไปกับสิ่งที่ไม่มีโอกาสสำเร็จหรือเกิดผลใดๆ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตักน้ำรดหัวตอ" ในประโยค
- เธอพยายามสอนคนแก่ที่ดื้อรั้นให้เปลี่ยนความคิด ก็เหมือนตักน้ำรดหัวตอเปล่าๆ หรอก เขาไม่มีวันเปลี่ยนความคิดหรอก
- การพยายามฟื้นฟูธุรกิจที่ล้มเหลวไปแล้วโดยไม่มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใดๆ ก็เหมือนกับตักน้ำรดหัวตอ เสียเวลาและทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี