หลอกหรือลวงให้เข้าใจผิด ทำการหลอกล่อให้เข้าใจผิด
หลอกหรือลวงให้ให้เข้าใจผิด
ประเภทสำนวน
"ตบตา" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นสำนวนไทยเพราะเป็นคำหรือวลีเฉพาะที่ไม่สามารถแปลความหมายตรงตัวได้ จำเป็นต้องเข้าใจความหมายเฉพาะที่ใช้กันในภาษาไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวน 'ตบตา' มาจากแนวคิดเกี่ยวกับการทำให้สายตาหรือการมองเห็นของผู้อื่นเกิดความสับสน หรือถูกลวง คำว่า 'ตบ' ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการใช้มือตบจริงๆ แต่หมายถึงการกระทำที่ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด หลงเชื่อ หรือมองไม่เห็นความจริง เปรียบเสมือนการทำให้ตาของเขาถูกบังหรือมองไม่เห็นความจริง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตบตา" ในประโยค
- บริษัทนี้ใช้การโฆษณาที่ตบตาผู้บริโภค ทำให้คิดว่าสินค้ามีคุณภาพสูงทั้งที่จริงแล้วเป็นของคุณภาพต่ำ
- นักการเมืองคนนั้นใช้วาทกรรมหรูหราตบตาประชาชนให้เข้าใจว่าตนทำงานหนัก แต่ความจริงไม่เคยทำอะไรเลย
- การจัดฉากว่ามีการบริจาคเงินช่วยผู้ประสบภัย เป็นเพียงการตบตาสังคมเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีเท่านั้น
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ตบตา" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีสั้นๆ ที่มีความหมายเฉพาะ ไม่สามารถแปลความตรงตัวได้ ต้องเข้าใจความหมายเป็นพิเศษในบริบทภาษาไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากการเปรียบเทียบกับการทำให้คนอื่นเห็นผิดไปจากความเป็นจริง เหมือนกับการตบที่ตาทำให้มองไม่เห็นหรือมองเห็นผิดไปชั่วขณะ หมายถึงการหลอกลวง ทำให้เข้าใจผิด หรือการแสดงท่าทีหลอกคนอื่นให้เชื่อในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตบตา" ในประโยค
- เขาแค่ทำเป็นขยันเวลาหัวหน้าเดินผ่านเท่านั้น เป็นการตบตาคนอื่นว่าเป็นคนขยัน
- การที่นักการเมืองสร้างโครงการแบบลวกๆ เพียงเพื่อให้ประชาชนเห็นว่ามีการพัฒนา เป็นเพียงการตบตาประชาชนเท่านั้น
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี