ตกอยู่ในที่คับขันอย่างไรก็ไม่เป็นอันตราย
ประเภทสำนวน
"ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำที่มีลักษณะเปรียบเปรย ไม่ได้ให้คำสอนโดยตรง แต่เป็นการเปรียบเทียบถึงลักษณะของคนที่มีความสามารถพิเศษในการเอาตัวรอดจากสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเพียงใด
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
เป็นสำนวนที่เปรียบเปรยถึงคนที่มีความสามารถในการเอาตัวรอดสูง ไม่ว่าจะประสบเหตุการณ์ร้ายแรงเพียงใด ก็สามารถผ่านพ้นไปได้อย่างปลอดภัย เป็นคนที่มักมีโชคช่วย หรือมีความสามารถเฉพาะตัวในการแก้ไขสถานการณ์วิกฤต คำว่า 'ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้' เปรียบถึงสถานการณ์อันตรายสองอย่างที่โดยปกติแล้วคนทั่วไปย่อมได้รับอันตราย แต่คนที่มีความสามารถพิเศษกลับไม่เป็นอันตราย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้" ในประโยค
- นักการเมืองคนนี้แม้จะถูกกล่าวหาหลายคดี แต่ก็ยังคงมีอำนาจอยู่ได้ สมกับเป็นคนตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้จริงๆ
- ถึงจะเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจหนักแค่ไหน นักธุรกิจรายนี้ก็ยังคงรอดพ้นและสร้างกำไรได้เสมอ เรียกได้ว่าตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้
- พี่สมชายเป็นคนตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ไม่ว่าจะประสบปัญหาอะไร สุดท้ายก็มักได้รับความช่วยเหลือจนพ้นวิกฤตทุกครั้ง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี