ประเภทสำนวน
"ดินไม่กลบหน้า" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเปรยถึงคนที่ทำความผิดแล้วไม่ตาย ต้องอับอายขายหน้า ต้องตีความความหมายแฝง ไม่ใช่คำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต และไม่ใช่วลีที่มีความหมายเฉพาะที่ไม่สามารถแปลตรงตัวได้แบบสำนวน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้มีที่มาจากความเชื่อเกี่ยวกับความตายและการฝังศพ เมื่อคนตายจะถูกฝังดิน ทำให้พ้นจากความอับอาย แต่คนที่ 'ดินไม่กลบหน้า' หมายถึงคนที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ทำความผิดหรือสิ่งน่าอับอาย จึงต้องทนอยู่กับความอัปยศนั้นไปตลอดชีวิต ไม่เหมือนคนตายที่ถูกดินกลบไปแล้ว
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ดินไม่กลบหน้า" ในประโยค
- เขาโกงเงินบริษัทจนถูกจับได้ ตอนนี้ออกไปไหนไม่ได้เลย ดินไม่กลบหน้าไปทั้งชีวิตแล้ว
- ฉันทำงานพลาดจนบริษัทขาดทุนหลายล้านบาท ถึงจะไม่ถูกไล่ออก แต่คงต้องดินไม่กลบหน้าอยู่ในวงการนี้อีกนาน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี