การกระทำที่อาจเกิดผลดีและผลร้ายได้พอ ๆ กัน
เปรียบได้กับดาบ ถ้าดาบนั้นมีคมทั้งสองข้าง มันก็ดีใช้ฟันได้สะดวก ขึ้น แต่ในทางกลับกัน ถ้าดาบมีคมทั้งสองข้าง เมื่อเราใช้ดาบฟันไปข้างหนึ่ง คมอีกข้างหนึ่ง ก็อาจทำร้ายถูกตัวเราได้
ประเภทสำนวน
"ดาบสองคม" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเทียบที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีที่มีความหมายเฉพาะที่แปลตรงตัวไม่ได้เหมือนสำนวนไทย แต่เป็นการเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งที่มีทั้งประโยชน์และโทษในตัวเองเหมือนดาบที่มีคมสองด้าน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้เปรียบเทียบกับดาบที่มีคมทั้งสองด้าน ซึ่งสามารถตัดได้ทั้งเป้าหมายและผู้ใช้เอง หมายถึงสิ่งหรือวิธีการที่อาจให้ผลดีในด้านหนึ่ง แต่ก็สามารถให้ผลร้ายในอีกด้านหนึ่งได้ด้วย ผู้ใช้จึงต้องระมัดระวังในการนำไปใช้
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ดาบสองคม" ในประโยค
- การแข่งขันกันอย่างรุนแรงในที่ทำงานเป็นดาบสองคม อาจทำให้งานก้าวหน้าไวขึ้น แต่ก็อาจทำลายความสามัคคีของทีม
- โซเชียลมีเดียเป็นเหมือนดาบสองคม ทำให้เราเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็ว แต่ก็มีข่าวปลอมและเนื้อหาไม่เหมาะสมมากมาย
- การใช้ยาแรงรักษาโรคอาจเป็นดาบสองคม รักษาโรคได้ แต่อาจเกิดผลข้างเคียงรุนแรง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี