ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน

คำพังเพย

หมายถึง ชีวิตคนเราเอาแน่นอนอะไรไม่ได้ เดี๋ยวรุ่งเรือง เดี๋ยวตกอับ ดังนั้นเมื่อถึงคราวตกอับ ก็อย่าเพิ่งท้อถอย หรือหมดอาลัยในชีวิต และเมื่อถึงคราวรุ่งเรือง มีอำนาจวาสนา ก็อย่าลืมตัว อย่าประมาท

หมายถึง ในช่วงชีวิตของคนเราไม่มีอะไรเป็นที่แน่นอน มีทั้งสุขและทุกข์ มีทั้งดีและร้าย สลับกันไป

หมายถึง ชีวิตคนเราเอาแน่นอนอะไรไม่ได้ มีขึ้นและมีลง ดังนั้นเมื่อถึงคราวตกอับ ก็อย่าเพิ่งท้อถอย หรือหมดอาลัยในชีวิต และเมื่อถึงคราวรุ่งเรือง มีอำนาจวาสนา ก็อย่าลืมตัว อย่าประมาท

หมายเหตุ ยากเจ็ดทีดีเจ็ดหน  ก็ว่า

ประเภทสำนวน

"ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต มีความหมายชัดเจนในตัวเอง เป็นประโยคที่สมบูรณ์และให้แง่คิดตามหลักธรรม

ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง

สุภาษิตนี้สอนให้เข้าใจว่าชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง ไม่มีใครที่จะโชคดีหรือโชคร้ายตลอดไป บางครั้งชีวิตอาจจะตกต่ำหรือประสบเคราะห์กรรม แต่สถานการณ์เหล่านั้นไม่ได้คงอยู่ตลอดไป เมื่อเวลาผ่านไปชีวิตก็จะหมุนเวียนกลับมาดีอีกครั้ง เป็นการสอนให้มีความอดทนในยามทุกข์ และไม่ประมาทในยามสุข

ตัวอย่างการใช้สำนวน "ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน" ในประโยค

  • คุณเดชาล้มละลายเมื่อสองปีก่อน แต่ตอนนี้เขาสามารถตั้งตัวได้ใหม่และประสบความสำเร็จ นี่แหละที่เขาว่า ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน
  • อย่าท้อแท้ไปเลยน้อง ตอนนี้ธุรกิจอาจจะซบเซา แต่ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน เดี๋ยวมันก็จะกลับมาดีอีก
  • ชีวิตเป็นเรื่องของชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน ไม่มีใครจะโชคดีหรือโชคร้ายไปตลอดชีวิต

สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย

สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน

สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา

คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี

ประเภทสำนวน

"ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเปรยถึงสภาวะของชีวิตที่มีทั้งด้านดีและด้านร้ายสลับกันไป มีความหมายแฝงที่ต้องตีความเพิ่มเติมโดยไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรง

ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง

สำนวนนี้สะท้อนความเชื่อว่าชีวิตมนุษย์มีทั้งช่วงที่ดีและช่วงที่ร้าย ซึ่งจะเวียนสลับกันไป ไม่มีใครที่จะประสบแต่ความทุกข์หรือความสุขตลอดไป เลข 'เจ็ด' ในที่นี้เป็นเพียงตัวเลขที่แสดงถึงความสมดุลและการหมุนเวียน โดยหมายความว่า ถ้าเราตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ หรือความยากลำบาก ให้อดทนเพราะเมื่อผ่านพ้นไปก็จะพบกับช่วงเวลาที่ดี และในทำนองเดียวกัน เมื่อเราอยู่ในช่วงชีวิตที่ดี ก็ไม่ควรประมาท เพราะสักวันหนึ่งก็อาจต้องพบกับความยากลำบากได้

ตัวอย่างการใช้สำนวน "ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน" ในประโยค

  • ตอนนี้ชีวิตเธออาจจะลำบากหน่อย แต่ขอให้อดทนไว้ ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน เดี๋ยวทุกอย่างก็ต้องดีขึ้น
  • ถึงตอนนี้จะร่ำรวยมั่งมี แต่ก็อย่าประมาทนะ เพราะชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน ชีวิตมันไม่แน่นอน

สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย

สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน

สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา

คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี

ประเภทสำนวน

"ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของชีวิต มีความสมบูรณ์ในตัวเอง และเข้าใจได้ง่ายว่าเป็นการเตือนสติให้คนอดทนต่อความผันผวนของชีวิต

ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง

สุภาษิตนี้สอนให้เข้าใจธรรมชาติของชีวิตว่า ความดีและความร้ายนั้นไม่เที่ยงแท้ถาวร คนที่กำลังตกอับอาจจะกลับมาประสบความสำเร็จได้ และในทางกลับกัน คนที่กำลังเจริญรุ่งเรืองก็อาจจะเสื่อมลงได้เช่นกัน เลข 'เจ็ด' เป็นเพียงสัญลักษณ์ที่หมายถึงหลายครั้งหรือหลายคราว มิได้หมายถึงจำนวนที่แน่นอน

ตัวอย่างการใช้สำนวน "ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน" ในประโยค

  • แม้ชีวิตของคุณจะกำลังลำบาก อย่าเพิ่งท้อแท้ เพราะชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน ชีวิตแต่ละคนต้องพบเจอทั้งดีและร้าย
  • ตอนนี้ธุรกิจของเขากำลังซบเซา แต่เขาก็ไม่ท้อใจ เพราะเชื่อในชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน สักวันธุรกิจคงกลับมาดีอีกครั้ง
  • อย่าเย่อหยิ่งเมื่อเจริญรุ่งเรือง และอย่าสิ้นหวังเมื่อตกอับ ให้ระลึกไว้เสมอว่าชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน

สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย

สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน

สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา

คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี

 หมายเหตุ

คำพังเพย หมายถึง ถ้อยคำหรือข้อความที่กล่าวเป็นกลาง ๆ เพื่อให้ตีความเข้ากับเรื่อง มีความหมายแฝงอยู่ อาจเป็นคำที่ใช้สื่อในทางเปรียบเปรย หรือในทำนองเสียดสี เช่น กระต่ายตื่นตูม เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย

สำนวนไทย หมายถึง ถ้อยคำ กลุ่มคำ หรือประโยคที่ไม่ได้แปลความหมายตรง ๆ แต่มีความหมายเชิงเปรียบเทียบแฝงอยู่ เช่น สอนจระเข้ให้ว่ายนํ้า รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง

คำสุภาษิต หรือ สำนวนสุภาษิต คือ คำในภาษาไทยที่ใช้ในการสื่อสารเชิงเปรียบเทียบอุปมาอุปมัย มักมีความหมายในการตักเตือนสั่งสอนในทางบวก มีความหมายที่ดี เช่น รักยาวให้บั่นรักสั้นให้ต่อ น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ

 ภาพประกอบชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน

  • คำพังเพย: ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน หมายถึงอะไร?, หมายถึง ชีวิตคนเราเอาแน่นอนอะไรไม่ได้ เดี๋ยวรุ่งเรือง เดี๋ยวตกอับ ดังนั้นเมื่อถึงคราวตกอับ ก็อย่าเพิ่งท้อถอย หรือหมดอาลัยในชีวิต และเมื่อถึงคราวรุ่งเรือง มีอำนาจวาสนา ก็อย่าลืมตัว อย่าประมาท คำนาม เจ็ดที, เจ็ดหน คำคุณศัพท์ ชั่ว, ดี หมวด สุภาษิต
  • คำพังเพย: ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน หมายถึงอะไร?, หมายถึง ในช่วงชีวิตของคนเราไม่มีอะไรเป็นที่แน่นอน มีทั้งสุขและทุกข์ มีทั้งดีและร้าย สลับกันไป จำนวน เจ็ด คำกริยา ชั่ว, ดี นามธรรม ชะตาชีวิต, โชคลาภ หมวด คำพังเพย
  • คำพังเพย: ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน หมายถึงอะไร?, หมายถึง ชีวิตคนเราเอาแน่นอนอะไรไม่ได้ มีขึ้นและมีลง ดังนั้นเมื่อถึงคราวตกอับ ก็อย่าเพิ่งท้อถอย หรือหมดอาลัยในชีวิต และเมื่อถึงคราวรุ่งเรือง มีอำนาจวาสนา ก็อย่าลืมตัว อย่าประมาท หมายเหตุ ยากเจ็ดทีดีเจ็ดหน  ก็ว่า จำนวน เจ็ด เวลา ที, หน คำนาม ชั่ว, ดี หมวด สุภาษิต

 คำพังเพยที่คล้ายกัน