การพูดหรือการกระทำใด ๆ ที่ทำให้ การสนทนาหรือเหตุการณ์นั้น ๆ ต้องเขว ออกนอกเรื่อง นอกประเด็นไป
พูดหรือทำขวางๆให้การสนทนาหรือการงานเขวออกนอกเรื่องไป
พูดหรือขวางให้การสนทนาออกนอกเรื่อง
ประเภทสำนวน
"ชักใบให้เรือเสีย" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ เป็นการเปรียบเทียบพฤติกรรมโดยใช้ภาพของการบังคับใบเรือผิดทาง เพื่อสะท้อนพฤติกรรมของคนที่ทำให้สถานการณ์เลวร้าย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการเดินเรือใบ ซึ่งใบเรือมีหน้าที่รับแรงลมเพื่อให้เรือแล่นไปในทิศทางที่ต้องการ หากควบคุมใบเรือไม่ดี หรือชักใบในทิศทางที่ผิด เรือจะเสียหลัก แล่นผิดทิศทาง หรืออาจล่มได้ สำนวนนี้จึงหมายถึงการจงใจทำให้เรื่องราวที่กำลังดำเนินไปด้วยดีกลายเป็นเสียหาย หรือแย่ลง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ชักใบให้เรือเสีย" ในประโยค
- ช่วงที่บริษัทกำลังเจรจาสัญญาสำคัญ ไม่น่าเลยที่เขาไปชักใบให้เรือเสียด้วยการพูดเรื่องข้อเสียของบริษัทตัวเองให้คู่เจรจาฟัง
- เธอกำลังจะได้งานแล้ว แต่เพื่อนคนนั้นกลับไปชักใบให้เรือเสียด้วยการบอกนายจ้างว่าเธอมีปัญหาเรื่องการตรงต่อเวลา
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ชักใบให้เรือเสีย" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ต้องตีความจากภาพของการชักใบเรือผิดวิธี ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่สำนวนเพราะมีโครงสร้างเป็นการเปรียบเทียบชัดเจน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้มีที่มาจากการเดินเรือใบ ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญในการควบคุมใบเรือให้รับลมอย่างถูกวิธี หากผู้ควบคุมชักใบเรือผิดวิธี เรืออาจเสียหลัก ล่ม หรือไปผิดทิศทาง สำนวนนี้จึงใช้เปรียบเปรยถึงการทำหรือพูดอะไรที่ทำให้เรื่องที่กำลังดำเนินไปด้วยดีกลับเสียหาย หรือล้มเหลวไป
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ชักใบให้เรือเสีย" ในประโยค
- หมอกำลังจะรักษาคนไข้อยู่แล้ว แต่ญาติมาพูดแทรกว่าหมอคนนี้เคยรักษาคนตายมาแล้วหลายคน ทำให้คนไข้ไม่ยอมรักษา นี่แหละเรียกว่าชักใบให้เรือเสีย
- ทุกคนกำลังประชุมกันอย่างราบรื่น แต่พอเธอพูดเรื่องปัญหาเก่าๆ ขึ้นมา ทำให้ทุกคนทะเลาะกันอีก นี่เป็นการชักใบให้เรือเสียชัดๆ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ชักใบให้เรือเสีย" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่ไม่สามารถแปลความหมายตรงตัวได้ ต้องตีความเฉพาะทางวัฒนธรรมไทย มีความหมายพิเศษเฉพาะที่ไม่สามารถเข้าใจได้จากคำแต่ละคำ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากวิธีการแล่นเรือใบสมัยโบราณ โดยปกติคนควบคุมเรือต้องชักใบเรือให้ถูกทิศทางลมเพื่อให้เรือแล่นไปได้อย่างถูกต้อง แต่ถ้าชักใบไม่ถูกวิธีหรือผิดทิศทาง จะทำให้เรือแล่นผิดทาง เสียหลัก หรือล่มได้ จึงนำมาเปรียบเทียบกับการพูดหรือทำอะไรบางอย่างที่ส่งผลให้สถานการณ์ที่ดำเนินไปด้วยดีกลับแย่ลง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ชักใบให้เรือเสีย" ในประโยค
- ตอนเขากำลังเจรจาธุรกิจกันได้ดี คุณไม่น่าไปพูดเรื่องข่าวลือเรื่องบริษัทคู่ค้าเลย ชักใบให้เรือเสียจนการเจรจาล้มไปเลย
- พวกเราคุยกับลูกค้าไปได้สวย แต่คุณสมชายดันไปพูดชักใบให้เรือเสีย ทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจไม่ซื้อสินค้าเราซะงั้น
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี