การพูดจาหว่านล้อม หาเหตุผลต่างๆมาอ้างเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ และได้ในสิ่งที่ต้องการ
โน้มน้าวใจ เพื่อให้เชื่อถือตน
พูดจาหว่านล้อมยกยอบุญคุณเพื่อขอสิ่งที่ประสงค์
ประเภทสำนวน
"ชักแม่น้ำทั้งห้า" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยที่ต้องตีความว่าหมายถึงการพูดอ้อมค้อม ไม่ตรงประเด็น ซึ่งไม่ใช่คำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต และไม่ใช่เพียงวลีสั้นๆ ที่มีความหมายเฉพาะแบบสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
แม่น้ำทั้งห้า หมายถึง แม่น้ำสายหลักสำคัญของประเทศไทยในอดีต ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำราชบุรี สำนวนนี้หมายถึงการพูดอ้อมค้อม วกวน นำเรื่องไกลตัวหรือไม่เกี่ยวข้องมาพูด ทำให้เสียเวลาและหลงประเด็น เหมือนการพาคนเดินทางอ้อมผ่านแม่น้ำหลายสายโดยไม่จำเป็น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ชักแม่น้ำทั้งห้า" ในประโยค
- เวลาเถียงกับแฟน เขาชอบชักแม่น้ำทั้งห้า พูดวกไปวนมา จนลืมเรื่องเดิมที่ทะเลาะกัน
- ในที่ประชุม ประธานบอกให้คุณสมชายตอบเรื่องงบประมาณ แต่เขากลับชักแม่น้ำทั้งห้า พูดถึงเรื่องนโยบายบริษัทตั้งแต่สิบปีก่อนจนไม่มีใครเข้าใจประเด็น
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ชักแม่น้ำทั้งห้า" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นสำนวนที่มีลักษณะเปรียบเปรย ไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรง แต่ต้องตีความเพิ่มเติม และมีความหมายแฝงเปรียบเทียบพฤติกรรมของคน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้หมายถึง การพูดอ้อมค้อม วกวน พูดยืดยาว ชักเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเกี่ยวข้องมากมาย โดยไม่เข้าประเด็นหลัก 'แม่น้ำทั้งห้า' หมายถึงแม่น้ำสำคัญ 5 สายในอินเดีย คือ คงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหี ซึ่งเป็นสายน้ำที่ยาวและคดเคี้ยว เปรียบเหมือนคนพูดที่วกวนไปมา
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ชักแม่น้ำทั้งห้า" ในประโยค
- ประชุมครั้งนี้พี่สมชายเป็นประธานอีกแล้ว คงต้องใช้เวลานานเพราะเขาชอบชักแม่น้ำทั้งห้าทุกครั้งที่พูด
- ดิฉันขอให้คุณตอบคำถามตรงประเด็น ไม่ต้องชักแม่น้ำทั้งห้านะคะ เวลาเราจำกัด
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ชักแม่น้ำทั้งห้า" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเปรยที่มีความหมายแฝงต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่สามารถเข้าใจได้จากความหมายตรงตัวของคำ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากแม่น้ำสำคัญทั้ง 5 สายของไทยคือ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำบางปะกง และแม่น้ำแม่กลอง การ 'ชักแม่น้ำทั้งห้า' หมายถึงการพูดอ้อมค้อม วกวน นำเรื่องไกลตัวหรือไม่เกี่ยวข้องมาพูด เหมือนการเอาแม่น้ำทั้ง 5 สายมาเชื่อมโยงกัน ทำให้เรื่องยืดยาวไม่จบสิ้น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ชักแม่น้ำทั้งห้า" ในประโยค
- เขาถามแค่ว่าจะไปทำงานสายไหม แต่คุณกลับชักแม่น้ำทั้งห้าเล่าเรื่องรถติด ฝนตก รถเสีย จนคนฟังงงไปหมด
- ขอให้คุณตอบคำถามตรงประเด็น อย่าชักแม่น้ำทั้งห้าพูดวกวนไปมาแบบนี้ ใช้เวลาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่รู้เลยว่าคุณต้องการอะไรกันแน่
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี