หมายถึง พูดหรือทําสิ่งใดสิ่งหนึ่งบังเอิญไปโดนเอาเจ้าตัวหรือผู้ที่เป็นเจ้าของเรื่องนั้นเข้าโดยผู้พูดหรือผู้ทําไม่รู้ตัว
ประเภทสำนวน
"จุดไต้ตำตอ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต และไม่ใช่เพียงวลีเฉพาะแบบสำนวนไทยทั่วไป แต่เป็นการเปรียบเปรยการกระทำบางอย่างกับการจุดไฟส่องตอไม้
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการจุดไฟ (ไต้) เพื่อส่องดูตอไม้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ไฟส่อง เปรียบเหมือนการอธิบายหรือชี้แจงสิ่งที่ชัดเจนอยู่แล้วให้ยืดยาว เป็นการกระทำที่เกินความจำเป็นและไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เพิ่มเติม
ตัวอย่างการใช้สำนวน "จุดไต้ตำตอ" ในประโยค
- เขาอธิบายวิธีใช้มือถือให้คนรุ่นใหม่ฟังอย่างละเอียดยืดยาว ก็เหมือนจุดไต้ตำตอเท่านั้นเอง เพราะคนรุ่นใหม่รู้วิธีใช้ดีอยู่แล้ว
- การที่อาจารย์ต้องมาอธิบายเรื่องง่ายๆ ซ้ำไปซ้ำมาให้นักศึกษาปีสุดท้าย เปรียบเสมือนการจุดไต้ตำตอ เสียเวลาโดยใช่เหตุ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี