การทำลายสิ่งที่ใหญ่โตลงทุนลงแรงไปมากเพื่อให้ได้ของสำคัญเพียงเล็กน้อยโดยไม่คำนึงว่าการกระทำนั้นจะสมควรหรือไม่ขอให้ได้สิ่งที่ต้องการ
ประเภทสำนวน
"ฆ่าช้างเอางา" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำที่มีลักษณะเปรียบเทียบเพื่อสื่อความหมายโดยนัย ซึ่งผู้ฟังต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่สำนวนที่แปลความหมายตรงตัวไม่ได้
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้มีที่มาจากการล่าช้างในอดีต ที่บางคนฆ่าช้างเพื่อเอาแค่งาช้างซึ่งมีค่า โดยทิ้งช้างทั้งตัวซึ่งมีเนื้อหนังมากมายให้เน่าเสียไป เป็นการเปรียบเทียบถึงการเห็นแก่ประโยชน์เพียงเล็กน้อย แต่ต้องทำลายหรือสูญเสียสิ่งที่มีค่ามากกว่าไป เป็นการกระทำที่เห็นแก่ได้และขาดความรอบคอบ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ฆ่าช้างเอางา" ในประโยค
- โครงการพัฒนาตัดถนนผ่านป่าอนุรักษ์นี้ เหมือนการฆ่าช้างเอางา ได้ถนนแต่ทำลายป่าและระบบนิเวศที่มีค่ามากกว่า
- รัฐบาลตัดสินใจทุบตึกประวัติศาสตร์เพื่อสร้างห้างสรรพสินค้า นักอนุรักษ์วัฒนธรรมบอกว่านี่คือการฆ่าช้างเอางาเพราะเห็นแก่ผลกำไรระยะสั้นแต่สูญเสียมรดกทางวัฒนธรรมที่ไม่อาจหาคืนได้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี