มีความรู้ แต่ไม่ใช้ความรู้ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร
แม้จะมีความรู้สูงแค่ไหนก็ตาม ถ้าความประพฤติไม่ดีแล้วก็เอาตัวไม่รอด เพราะไม่มีใครคบหาสมาคมด้วย หรือมีความรู้ แต่ไม่ใช้ความรู้ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร
มีวิชาความรู้มาก แต่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนไม่ได้ หรือเมื่อถึงคราวมีกลับไม่มีปัญญาแก้ไขให้ตัวเองรอดพ้นได้
ประเภทสำนวน
"ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่มีความหมายชัดเจน ให้ข้อคิดเตือนใจเกี่ยวกับการใช้ความรู้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตจริง มีโครงสร้างที่สมบูรณ์ในตัวเอง ไม่ต้องตีความซับซ้อน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้สอนว่า การมีความรู้มากมายไม่ได้หมายความว่าจะสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขหรือประสบความสำเร็จในชีวิต หากไม่รู้จักนำความรู้มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในการแก้ปัญหาชีวิต เปรียบเสมือนคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นแม้จะมีความรู้เรื่องน้ำมากมายก็ไม่อาจช่วยตัวเองให้พ้นจากการจมน้ำได้
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด" ในประโยค
- เขาเรียนจบปริญญาโทแต่หางานทำไม่ได้ ก็เป็นอีกตัวอย่างของความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด
- การศึกษาสมัยใหม่ควรสอนทักษะชีวิตควบคู่ไปกับวิชาการ ไม่ใช่ให้เด็กมีความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด
- คนที่เรียนเก่งแต่ขาดทักษะสังคม มักจะประสบปัญหาความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดเมื่อต้องทำงานร่วมกับผู้อื่น
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่ให้ข้อคิดชัดเจนเกี่ยวกับคุณค่าของความรู้ที่นำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ มีลักษณะเป็นคำสอนที่สมบูรณ์ในตัวเอง เข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องตีความซับซ้อน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้สอนว่า ความรู้ทางทฤษฎีที่มากมายแต่ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาชีวิตได้นั้น เป็นความรู้ที่ไม่เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง เปรียบเหมือนคนที่กำลังจมน้ำ แม้จะมีความรู้มากมาย แต่ถ้าไม่รู้วิธีว่ายน้ำเอาตัวรอด ความรู้ทั้งหมดก็ไร้ประโยชน์ในสถานการณ์นั้น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด" ในประโยค
- เขาเรียนจบปริญญาเอก รู้ทฤษฎีมากมาย แต่พอต้องมาทำงานจริงกลับทำอะไรไม่เป็นเลย นี่แหละที่เรียกว่าความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด
- คนที่เรียนหนังสือมาสูงแต่ไม่สามารถหางานทำได้ เพราะขาดทักษะการทำงานจริง ก็เป็นตัวอย่างของความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด
- เศรษฐกิจแย่ขนาดนี้ ถึงคุณจะจบเกียรตินิยมแต่ไม่มีทักษะอาชีพติดตัวเลย ก็เป็นความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดแท้ๆ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
