บังคับขืนใจผู้อื่นให้ทำตามที่ตนต้องการเช่นจะจัดแจงแต่งตามอารมณ์ให้กินหญ้าเราเหมือนข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า
ประเภทสำนวน
"ข่มเขาโคขืน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำเปรียบเทียบสถานการณ์หรือการกระทำบางอย่าง มีความหมายไม่ตรงตัว ต้องตีความเพิ่มเติม และมีลักษณะการเปรียบเปรยถึงการกระทำที่ฝืนธรรมชาติ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำว่า 'ข่มเขาโคขืน' หมายถึง การฝืนใจทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดทั้งที่ไม่อยากทำ หรือฝืนสภาพความเป็นจริง ความรู้สึก ความสามารถของตนเอง มีที่มาจากการเปรียบเทียบกับการพยายามบังคับวัวควายให้ทำในสิ่งที่ขัดกับธรรมชาติ (เช่น ให้ขืนขึ้นเขาทั้งที่มันไม่ต้องการ) ซึ่งเป็นการกระทำที่ยากและฝืนธรรมชาติ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ข่มเขาโคขืน" ในประโยค
- เขารู้ว่าไม่ถนัดเรื่องคณิตศาสตร์ แต่ก็ยังข่มเขาโคขืนไปเรียนต่อสายวิทยาศาสตร์เพียงเพราะพ่อแม่อยากให้เรียน
- การที่ฉันจะพยายามทำตัวเป็นคนร่าเริงทั้งที่กำลังเศร้า ก็เหมือนกับการข่มเขาโคขืน ทำไปก็มีแต่ทรมานใจ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี