เลี้ยงไม่เชื่องมีแต่เนรคุณ
ประเภทสำนวน
"ขุนไม่เชื่อง" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำเปรียบเทียบที่ต้องตีความเพื่อให้เข้าใจความหมายแฝง ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่เพียงวลีสั้นๆ ที่มีความหมายเฉพาะเหมือนสำนวนไทยทั่วไป
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำว่า 'ขุน' หมายถึงสัตว์ที่นำมาเลี้ยงให้เชื่อง แต่ถ้า 'ไม่เชื่อง' ก็คือยังคงมีนิสัยดุร้าย ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจ คำพังเพยนี้จึงใช้เปรียบกับคนที่มีอำนาจวาสนาแล้วลืมตัว ไม่เชื่อฟังหรือไม่ยอมอยู่ในโอวาทของผู้ที่เคยช่วยเหลือหรือสนับสนุนตนมาก่อน กลับทำตัวเป็นใหญ่เป็นโต ไม่เชื่อฟังผู้มีพระคุณ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ขุนไม่เชื่อง" ในประโยค
- หลังจากที่ช่วยให้เขาได้เลื่อนตำแหน่ง ตอนนี้เขากลายเป็นขุนไม่เชื่อง ไม่เคยฟังความคิดเห็นของเราอีกเลย
- เจ้านายคนใหม่นี่เป็นขุนไม่เชื่องจริงๆ ทั้งที่เราเคยช่วยแนะนำเขาเข้าทำงาน แต่พอได้ตำแหน่งสูงกลับทำเป็นไม่รู้จักกัน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี