ประเภทสำนวน
"ขี้หมูราขี้หมาแห้ง" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบพฤติกรรมหรือลักษณะบางอย่างที่มีความหมายแฝง ไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต แต่ต้องตีความเพิ่มเติม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการเปรียบเทียบกับขี้หมูที่เปียกชื้นกับขี้หมาที่แห้ง ซึ่งทั้งสองอย่างไม่ได้มีประโยชน์อะไรและไม่น่าพิสมัย ใช้เปรียบเปรยถึงคนสองคนหรือสองฝ่ายที่ไม่มีใครดีกว่าใคร ต่างก็มีข้อเสียหรือความไม่ดีเหมือนกัน เลือกใครก็ไม่ได้ประโยชน์
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ขี้หมูราขี้หมาแห้ง" ในประโยค
- การเลือกตั้งครั้งนี้ ผู้สมัครทั้งสองคนต่างขี้หมูราขี้หมาแห้ง ไม่มีใครน่าไว้วางใจได้เลย
- บริษัททั้งสองที่เสนอราคามานั้นขี้หมูราขี้หมาแห้ง ต่างก็มีประวัติทิ้งงานเหมือนกัน ไม่รู้จะเลือกใคร
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี