ทำอะไรแล้วผลร้ายกลับมาสู่ตัว
ทำอะไรก็ตาม ผลร้ายย้อนกลับมาสู่ตัวเอง
ประเภทสำนวน
"ขว้างงูไม่พ้นคอ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต แต่เป็นการเปรียบเปรยสถานการณ์ที่พยายามกระทำการบางอย่างเพื่อกำจัดปัญหาแต่ไม่สำเร็จ และปัญหานั้นกลับมาหาตัวเอง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเทียบกับการที่คนพยายามขว้างงูทิ้งไป แต่ไม่สามารถขว้างให้พ้นจากคอของตนเองได้ ทำให้งูนั้นวกกลับมาพันคอตัวเอง ใช้หมายถึงการพยายามกำจัดหรือหลีกหนีปัญหาหรือภาระที่เป็นของตนเอง แต่ไม่สามารถทำได้ และปัญหานั้นก็ยังคงเป็นภาระที่ตนเองต้องรับผิดชอบอยู่ดี หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ไม่สามารถโยนความรับผิดชอบให้ผู้อื่นได้
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ขว้างงูไม่พ้นคอ" ในประโยค
- ถึงคุณจะพยายามเถียงไปเรื่อยๆ ว่าไม่ได้เป็นคนทำผิดในเรื่องนี้ แต่หลักฐานมัดตัวชัดเจน เหมือนขว้างงูไม่พ้นคอแล้วละ
- พ่อพยายามโยนความผิดให้ลูกบ่อยๆ แต่สุดท้ายก็ต้องมารับผลเสียเอง ก็เหมือนกับขว้างงูไม่พ้นคอนั่นแหละ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ขว้างงูไม่พ้นคอ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบที่แฝงนัย ไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรง มีลักษณะการเปรียบเปรยพฤติกรรมมนุษย์ ผู้ฟังต้องตีความหมายเพิ่มเติม ไม่สามารถเข้าใจความหมายได้ทันทีหากไม่รู้นัย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการเปรียบเทียบกับการขว้างงูทิ้งไปแต่ไม่พ้นคอของตัวเอง หมายถึง การพยายามกำจัดหรือปัดความรับผิดชอบในเรื่องที่ตนเกี่ยวข้อง แต่สุดท้ายก็ยังต้องเป็นผู้รับผิดชอบอยู่ดี หรือทำความชั่ว/ความผิดแล้วจะหนีความรับผิดชอบก็ไม่พ้น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ขว้างงูไม่พ้นคอ" ในประโยค
- เขาโกงเงินบริษัทแล้วพยายามโยนความผิดให้ลูกน้อง แต่สุดท้ายหลักฐานก็ชี้มาที่เขาอยู่ดี ขว้างงูไม่พ้นคอจริงๆ
- เธอพยายามหาคนมารับผิดแทนในเรื่องที่เธอทำผิดพลาด แต่ความจริงก็ปรากฏ ขว้างงูไม่พ้นคอ สุดท้ายก็ต้องยอมรับความผิดนั้นเอง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี