ตะขิดตะขวงใจกับคนชั่วที่รู้พูดหรือคบด้วยโดยรู้ว่าเขาไม่ดี
ประเภทสำนวน
"กินน้ำเห็นปลิง" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีที่มีความหมายเฉพาะ ไม่สามารถแปลความหมายตรงตัวได้ มีความหมายพิเศษที่ต้องตีความ ไม่ใช่คำสอนโดยตรง (จึงไม่ใช่สุภาษิต) และไม่ใช่การเปรียบเทียบพฤติกรรมหรือลักษณะแบบคำพังเพย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการที่คนดื่มน้ำแล้วเห็นปลิงลอยอยู่ในน้ำที่ตนกำลังดื่ม ทำให้เกิดความรู้สึกขยะแขยง และกลัวว่าอาจจะกลืนปลิงเข้าไปโดยไม่รู้ตัว เปรียบเปรยถึงการนึกขึ้นได้ภายหลังว่าสิ่งที่ตนทำลงไปนั้นอาจมีผลเสียหรืออันตราย เกิดความรู้สึกหวาดกลัวหรือกังวลย้อนหลัง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "กินน้ำเห็นปลิง" ในประโยค
- หลังจากเซ็นสัญญาซื้อบ้านไปแล้ว เขาถึงได้กินน้ำเห็นปลิงว่าไม่ได้อ่านรายละเอียดเรื่องค่าส่วนกลาง
- เธอเพิ่งนึกได้ว่าส่งอีเมลฉบับผิดให้ลูกค้าไปแล้ว พอกินน้ำเห็นปลิงก็รีบโทรศัพท์ไปขอโทษทันที
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี