ลักษณะของการทำงานที่มีความรีรอลังเลใจ ทำให้แก้ไขปัญหาได้ไม่ทันท่วงที เมื่อได้อย่างหนึ่งแล้ว แต่กลับต้องเสียอีกอย่างหนึ่งไป
ลักษณะของการทำงานที่มีความรีรอลังเลใจ ทำให้แก้ไขปัญหาได้ไม่ทันท่วงที เมื่อได้อย่างหนึ่งแล้ว แต่กลับต้องเสียอีกอย่างหนึ่งไป
ลักษณะของการทำงานที่มีความรีรอลังเลใจ ทำให้แก้ไขปัญหาได้ไม่ทันท่วงที เมื่อได้อย่างหนึ่งแล้ว แต่กลับต้องเสียอีกอย่างหนึ่งไป
ประเภทสำนวน
"กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต และมีลักษณะเปรียบเปรยสถานการณ์
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเทียบจากการหุงต้มอาหาร เมื่อหม้อมีทั้งถั่วและงาต้มอยู่พร้อมกัน โดยถั่วต้องใช้เวลานานกว่าจะสุก ขณะที่งาใช้เวลาสุกน้อยกว่า หากรอให้ถั่วสุก งาที่อยู่ในหม้อเดียวกันก็จะไหม้เสียก่อน เปรียบเหมือนการทำสิ่งหนึ่งให้สำเร็จแต่ต้องเสียสิ่งหนึ่งไป หรือทำให้งานหนึ่งสำเร็จแต่อีกงานหนึ่งเสียหาย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้" ในประโยค
- เขาตั้งใจจะปรับปรุงบ้านให้เสร็จก่อนปีใหม่ แต่ดูท่าแล้วกว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ เพราะงานล่าช้ามาก
- ผมวางแผนจะเก็บเงินให้พอซื้อรถยนต์ แต่แล้วก็ต้องนำเงินไปรักษาแม่ที่ป่วยกะทันหัน กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ จริงๆ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำพังเพย เพราะเป็นการเปรียบเปรยสถานการณ์ แฝงความหมายที่ต้องตีความเพิ่มเติม มีลักษณะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่สำนวนไทยเพราะความหมายสามารถเข้าใจได้จากการตีความคำที่ประกอบขึ้น
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
เป็นคำพังเพยที่เปรียบเทียบกับการหุงต้มอาหาร โดยถั่วเป็นอาหารที่ต้มสุกช้า ส่วนงาเป็นอาหารที่สุกไวและไหม้ได้ง่าย เมื่อนำมาต้มพร้อมกัน กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้ไปเสียแล้ว เปรียบเหมือนกับการทำงานที่มีความเร็วต่างกัน หรือการรอคอยสิ่งหนึ่งจนเกิดความเสียหายกับอีกสิ่งหนึ่ง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้" ในประโยค
- รีบทำสัญญาให้เรียบร้อยเถอะ ไม่อย่างนั้นกว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ โอกาสจะหลุดมือไป
- เขาทำงานช้ามาก กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ พวกเราต้องรออีกนานกว่าจะได้เริ่มขั้นตอนถัดไป
- อย่ารอให้ทุกคนพร้อมหมดก่อนแล้วค่อยเริ่มประชุม เพราะกว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ เสียเวลาเปล่า
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ไม่ใช่คำสอนโดยตรง ต้องตีความเพิ่มเติม เปรียบเปรยถึงความไม่สมดุลของระยะเวลาที่เหมาะสมในการทำสิ่งต่างๆ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการทำอาหาร ถั่วกับงาเป็นวัตถุดิบที่ใช้เวลาสุกไม่เท่ากัน ถั่วต้องใช้เวลานานกว่าจะสุก ขณะที่งาใช้เวลาน้อยกว่ามาก หากนำมาทำอาหารพร้อมกัน เมื่อรอให้ถั่วสุก งาก็จะไหม้เสียแล้ว สะท้อนถึงความไม่สอดคล้องกันของเวลาในการทำสิ่งต่างๆ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้" ในประโยค
- เธอคงต้องรอแฟนอีกนานกว่าเขาจะเรียนจบและมาแต่งงาน ระวังจะเป็นเหมือนกว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้
- โครงการก่อสร้างนี้ล่าช้ามาก กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้ ทำให้งบประมาณบานปลายและต้องเลิกจ้างพนักงานหลายคนไปแล้ว
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบเพื่อสื่อความหมายแฝง ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีที่แปลตรงตัวไม่ได้อย่างสำนวนไทย แต่เป็นการเปรียบเปรยสถานการณ์ที่ต้องนำไปตีความต่อ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการทำอาหาร เวลาหุงต้มที่ต้องทำสองอย่างพร้อมกัน ถั่วใช้เวลานานกว่างาในการสุก แต่หากรอให้ถั่วสุกก่อนค่อยใส่งา งาก็จะไหม้เสียก่อน เพราะงาใช้เวลาน้อยกว่า เปรียบเหมือนการทำงานหรือกิจกรรมหลายอย่างที่มีระยะเวลาและวิธีการที่แตกต่างกัน หากจัดการไม่ดี อย่างหนึ่งเสร็จ อีกอย่างอาจเสียหาย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้" ในประโยค
- พี่ไม่อยากรอให้น้องเรียนจบแล้วค่อยแต่งงาน เพราะกลัวว่ากว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ ถ้าน้องเรียนนานเกินไป พี่อาจมีครอบครัวกับคนอื่นไปแล้ว
- ผู้จัดการบอกว่า กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ หมายถึงกว่าแผนงานนี้จะได้รับการอนุมัติ ลูกค้าเขาก็ไปใช้บริการที่อื่นแล้ว
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี