ทำให้เรื่องราวที่สงบเรียบร้อยไร้ปัญหา กลับมาเป็น วุ่นวาย ยุ่งเหยิงไม่สงบ ไม่เรียบร้อย
ทำเรื่องราวที่สงบอยู่แล้วให้เกิดวุ่นวายขึ้นมา
ประเภทสำนวน
"กวนน้ำให้ขุ่น" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม โดยใช้พฤติกรรมการกวนน้ำให้ขุ่นมาเปรียบเทียบกับการสร้างความวุ่นวาย สับสน หรือปั่นป่วน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากลักษณะของน้ำที่ใสสะอาด เมื่อมีคนหรือสิ่งใดไปกวนหรือคนให้เกิดตะกอน น้ำจะขุ่นมัว มองไม่เห็นความชัดเจน เปรียบเทียบกับการที่คนบางคนชอบสร้างเรื่องวุ่นวาย ทำให้สถานการณ์ที่ปกติเรียบร้อยกลายเป็นเรื่องสับสน ปั่นป่วน หรือไม่สงบ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "กวนน้ำให้ขุ่น" ในประโยค
- นักการเมืองคนนั้นชอบกวนน้ำให้ขุ่น พูดยุแหย่ให้คนแตกความสามัคคีกัน
- เขาชอบกวนน้ำให้ขุ่นในที่ประชุม เสนอความคิดเห็นขัดแย้งเพื่อให้เกิดความวุ่นวาย ทั้งที่ทุกคนตกลงกันได้แล้ว
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"กวนน้ำให้ขุ่น" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบพฤติกรรมการก่อกวนให้เกิดความวุ่นวาย มีลักษณะเป็นการเปรียบเปรยที่ต้องตีความเพิ่มเติม และไม่ได้สอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มาจากการกระทำของคนที่รู้ทั้งรู้ว่าน้ำใสสะอาดแต่กลับตั้งใจใช้มือหรือสิ่งของไปกวนน้ำให้ขุ่น เปรียบเทียบกับคนที่เจตนาสร้างความวุ่นวาย หรือทำให้เรื่องราวที่เรียบร้อยเกิดปัญหา เพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่าง หรือเพื่อความสนุกสนานของตนเอง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "กวนน้ำให้ขุ่น" ในประโยค
- เขาชอบกวนน้ำให้ขุ่นในที่ประชุม ทั้งที่ทุกอย่างกำลังจะจบลงด้วยดี
- นักการเมืองบางคนชอบกวนน้ำให้ขุ่น หวังให้สังคมวุ่นวายเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
- อย่าไปยุ่งกับเรื่องนั้นเลย มันจะเหมือนเรากวนน้ำให้ขุ่นเปล่าๆ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี