คนที่ทําตัวฝักใฝ่เข้าด้วยทั้ง 2 ฝ่ายที่ไม่เป็นมิตรกันโดยหวังประโยชน์เพื่อตน
คนที่ทำตัวเข้าด้วยทั้ง 2 ฝ่ายที่เป็นศัตรูกันเพื่อผลประโยชน์ของตน
ทำตัวเข้ากับทั้ง 2 ฝ่ายที่เขาไม่ถูกกัน โดยหวังประโยชน์เพื่อตน
ประเภทสำนวน
"นกสองหัว" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำที่มีลักษณะเปรียบเทียบ มีความหมายแฝงที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีเฉพาะที่แปลตรงตัวไม่ได้เหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากการเปรียบเทียบกับนกที่พยายามมองไปทั้งสองทิศทาง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเป็นไปไม่ได้ที่นกจะมีสองหัวหรือมองสองทางพร้อมกัน สำนวนนี้จึงหมายถึงคนที่ไม่มีความแน่นอน ลังเล เอาแน่เอานอนไม่ได้ พยายามเข้าข้างหรือเอาใจทั้งสองฝ่ายที่ขัดแย้งกัน ไม่ยอมแสดงจุดยืนที่ชัดเจน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "นกสองหัว" ในประโยค
- เขาเป็นนกสองหัว ต่อหน้าฝ่ายหนึ่งก็พูดอย่างหนึ่ง แต่เมื่ออยู่กับอีกฝ่ายก็พูดอีกอย่าง
- อย่าไว้ใจคนนกสองหัว เวลาเกิดปัญหาจริง ๆ เขาจะไม่ยอมช่วยเหลือใคร
- เธอเป็นนกสองหัวจริง ๆ เวลาอยู่กับทีมเราก็บอกว่าจะช่วย แต่พอไปเจอทีมคู่แข่งก็ให้ข้อมูลเราหมด
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"นกสองหัว" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ผู้ฟังต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีเฉพาะที่แปลตรงตัวไม่ได้เหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากภาพเปรียบเทียบนกที่มีสองหัว ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในธรรมชาติและหากมีจริงก็คงไม่สามารถตัดสินใจไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งได้ เพราะสองหัวอาจต้องการไปคนละทิศทาง ใช้เปรียบเปรยถึงคนที่ทำตัวฝักใฝ่สองฝ่าย หรือไม่ยอมตัดสินใจเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างชัดเจน หวังผลประโยชน์จากทั้งสองฝ่าย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "นกสองหัว" ในประโยค
- รัฐบาลกลางไม่ควรทำตัวเป็นนกสองหัว ในความขัดแย้งครั้งนี้ ต้องแสดงจุดยืนให้ชัดเจน
- เธอเป็นนกสองหัวมาตลอด ทั้งรับปากช่วยเราแต่ก็ยังไปมีสัมพันธ์ดีกับฝ่ายตรงข้าม ไว้ใจไม่ได้เลย
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"นกสองหัว" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรง แต่เป็นการเปรียบเปรยพฤติกรรมของคนที่คิดสองทาง เอาแน่เอานอนไม่ได้
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากการเปรียบเทียบกับสัตว์ที่ไม่มีอยู่จริง คือนกที่มีสองหัว ซึ่งถ้ามีจริงก็คงไม่รู้จะบินไปทางไหน เพราะสองหัวอาจต้องการไปคนละทิศละทาง เปรียบเหมือนคนที่ลังเลใจ ไม่ตัดสินใจเด็ดขาด หรือคนที่เข้าด้วยทั้งสองฝ่ายที่ขัดแย้งกัน ทำให้ไม่มีความน่าเชื่อถือ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "นกสองหัว" ในประโยค
- ฝ่ายบริหารไม่ควรเป็นนกสองหัว ที่พยายามเอาใจทั้งสองฝ่าย สุดท้ายจะทำให้องค์กรไม่ก้าวหน้า
- เขาเป็นนกสองหัว พูดกับฝ่ายรัฐบาลก็บอกว่าสนับสนุน แต่พอไปพูดกับฝ่ายค้านก็บอกว่าเห็นด้วยกับการคัดค้าน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี