โกรธคนหนึ่งแต่ทำอะไรเขาไม่ได้ก็เลยรังควานอีกคนที่ตนเองสามารถทำได้
การเสแสร้งแกล้งพูดหรือกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ให้ไปกระทบกระเทือนอีกฝ่ายหนึ่ง เนื่องจากโกรธเขาแต่ไปทำอะไรเขาโดยตรงไม่ได้
ประเภทสำนวน
"ตีวัวกระทบคราด" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความที่มีลักษณะเปรียบเปรย ต้องตีความเพิ่มเติม มีความหมายแฝง ไม่ใช่คำสอนโดยตรงและไม่ใช่สำนวนที่มีความหมายเฉพาะที่ต้องแปล
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากเหตุการณ์ที่เกิดในชนบท เมื่อชาวนาใช้วัวไถนาแล้ววัวเหยียบถูกคราดที่วางอยู่บนพื้น ทำให้ด้ามคราดกระดกขึ้นมากระทบตัวคนไถ การพูดว่าใครตีวัวกระทบคราด จึงหมายถึงการทำอะไรโดยมีเจตนาซ่อนเร้น แสร้งตำหนิหรือพูดกระทบคนหนึ่งเพื่อให้อีกคนหนึ่งรู้สึกตัวหรือได้รับผลกระทบ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตีวัวกระทบคราด" ในประโยค
- แดงไม่พอใจที่ดำยังไม่ส่งเงินที่ยืมไป แต่ไม่กล้าทวงตรงๆ จึงตีวัวกระทบคราดพูดเรื่องคนไม่รู้จักสำนึกบุญคุณให้ดำได้ยิน
- ในที่ประชุม ผู้จัดการไม่พอใจพนักงานบางคนที่มาทำงานสาย แต่ไม่ต้องการตำหนิโดยตรง จึงตีวัวกระทบคราดพูดเรื่องการตรงต่อเวลาในภาพรวม
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ตีวัวกระทบคราด" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยที่แสดงการกระทำอย่างหนึ่งแต่มีเจตนาอีกอย่างหนึ่งแฝงอยู่ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และต้องตีความเพิ่มเติม โดยเปรียบเทียบกับการตีวัวแต่เจตนาให้กระทบคราด
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากการทำนาในสมัยก่อน เมื่อชาวนาไถนาด้วยวัวควาย จะใช้คราด (เครื่องมือไถนา) ติดอยู่กับตัววัว หากชาวนาต้องการตำหนิคนที่ดูแลคราดแต่ไม่อยากตำหนิตรงๆ ก็จะตีวัวให้ผู้ดูแลคราดรู้ตัว สะท้อนพฤติกรรมของคนที่พูดหรือทำเรื่องหนึ่งแต่แท้จริงต้องการสื่อถึงอีกเรื่องหนึ่ง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตีวัวกระทบคราด" ในประโยค
- ฉันรู้นะว่าที่เธอพูดเรื่องลูกน้องที่ทำงานช้าให้เจ้านายฟัง มันเป็นการตีวัวกระทบคราด เพราะฉันก็ทำงานล่าช้าเหมือนกัน
- ในที่ประชุม เขาเล่าเรื่องพนักงานที่ทำผิดกฎบริษัทอื่น ซึ่งเป็นการตีวัวกระทบคราด เพื่อเตือนพวกเราโดยไม่ต้องตำหนิโดยตรง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี