ไม่ว่าผู้มีอํานาจจะว่าอย่างใด ผู้น้อยก็ต้องคล้อยตามไปอย่างนั้นเพราะกลัวหรือประจบ
ประเภทสำนวน
"ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนที่มีความหมายชัดเจนโดยตรง แสดงถึงแนวทางการปฏิบัติที่พึงประสงค์ คือการพูดอย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้หมายถึง การพูดหรือบอกกล่าวตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง ไม่อ้อมค้อม ไม่บิดเบือน เปรียบเหมือนการชี้สิ่งต่างๆ แล้วบอกชื่อได้ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง เช่น ชี้นกก็บอกว่าเป็นนก ชี้ไม้ก็บอกว่าเป็นไม้ ไม่พูดกลับไปกลับมาหรือให้ข้อมูลที่สับสน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้" ในประโยค
- คนเราควรรู้จักชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ พูดตามความเป็นจริง ไม่บิดเบือน
- เขาเป็นคนที่ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ พูดอะไรก็ตรงไปตรงมา เชื่อถือได้
- ผู้พิพากษาต้องชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ ตัดสินไปตามหลักฐานและข้อเท็จจริง ไม่เอนเอียง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี